ผู้เขียน หัวข้อ: สุภาพบุรุษจุฑาเทพ"คุณชายรณพีร์" วันที่ 18 มิถุนายน 2556  (อ่าน 361 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 “ไปกันใหญ่แล้วคุณขวัญ มันไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย เรื่องเสี่ยเพ้ง ทำให้คุณเป็นไปขนาดนี้เลยหรือ คุณหมดอาลัยตายอยากในชีวิตขนาดนี้เลยหรือครับ”
    
    เพียงขวัญเศร้าไป รณพีร์กลุ้มสงสารเพียงขวัญ จู่ ๆ มาซึมเศร้าอย่างนี้
     
    ประณตขยันทำการบ้านที่ครูสั่งมาจนเสร็จ แล้วยังลองทำแบบฝึกหัดล่วงหน้าอีก รณพีร์สบโอกาส หาทางดึงเพียงขวัญออกจากอารมณ์เศร้าด้วยการบอกจะพาประณตไปเที่ยว เป็นรางวัลให้กับคนขยัน พร้อมกันนี้ได้ขอให้เพียงขวัญไปเที่ยวด้วยกัน
    
    สามคนพายเรือไปตลาดด้วยกัน เพียงขวัญยังเหม่อเศร้า รณพีร์คอยมองเพียงขวัญ ชวนคุยเพื่อให้เพียงขวัญผ่อนคลายขึ้น บางคราวก็แหย่ ให้เพียงขวัญหัวเราะนั่นนี่ เพียงขวัญรู้สึกสนิทสนมกับรณพีร์ เหมือนเพื่อนที่สนิทกันมากขึ้น พอไปถึงตลาด รณพีร์พาเพียงขวัญกับประณตไปทานก๋วยเตี๋ยวเรือ
    
    “โอ๊ยอิ่ม ช่วงนี้สอบ อ่านหนังสือ มันเครียดก็เลยกินซะเยอะเลยพี่พีร์”
    
    “คุณประณตเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน ต้องตั้งใจเรียนเป็นนักบินให้ได้จริง ๆ จะได้ดูแลยาย คุณแม่ กับพี่ขวัญด้วย”
    
    พอพูดเรื่องแม่ เรื่องพี่ เพียงขวัญแวบเศร้า รณพีร์รีบคีบลูกชิ้นจากชามของเพียงขวัญไม่อยากเห็นเพียงขวัญเศร้า เพียงขวัญหันไปแย่งลูกชิ้นจากประณต รณพีร์ร่วมแย่งลูกชิ้นจากประณตด้วย สองคนช่วยกันแย่งประณตกินอย่างสนุกสนาน
    
    “พี่ขวัญไม่รับงานรำแล้ว แล้วงานลอยกระทง ที่รับปากเขาไว้ใครจะไปรำฉุยฉายแทนล่ะพี่ รับปากเขาแล้ว แต่ไม่ไปทำงานแบบนี้มันไม่ถูกนะฮะ” หลังทานเสร็จ ประณตเอ่ยปากถามเพียงขวัญด้วยความสงสัย
    
    เพียงขวัญกลับไปเศร้าอีก ประณตไม่รอฟังคำตอบ ลุกเดินจะไปร้านเครื่องเขียน รณพีร์จึงขยับเข้าไปใกล้เพียงขวัญ พูดเสียงเบาได้ยินกันสองคน
    
    “นายเพ้งมันรังแกคุณครั้งเดียวแต่คุณรังแกตัวเองร้อยครั้ง”
    
    “หมายความว่าไง” “ความคิดไง ความคิดที่วนเวียนไม่ยอมปล่อยวันละร้อย ๆ ครั้ง”
    
    เพียงขวัญถอนใจ รณพีร์พูดถูก แต่จะให้หายเศร้ามันทำไม่ได้ในทันที รณพีร์เหลือบไปเห็น ประณตชะเง้อมองแอบ ๆ ซ่อนอยู่ตรงถังขยะแถวหน้าร้านเครื่องเขียน
    
    “ประณตทำอะไรน่ะ”
    
    “อ๋อ เด็กผู้หญิงในร้านเครื่องเขียนชื่อสลักจิต เป็นเพื่อนนักเรียนของประณตค่ะ”
    
    ในร้านเครื่องเขียน บุญชัยพ่อของสลักจิตกำลังดูแลปัดฝุ่นอยู่ สลักจิตนั่งอ่านหนังสือทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะด้านใน ประณตแอบดูสลักจิตอยู่หลังถังขยะ สักพักก็รู้สึกว่าเหม็นจนทนไม่ไหว เลยทำทีเป็นเดินผ่านไปทางหน้าร้าน ปรายตามองเข้าไปในร้าน ดูว่าสลักจิตกำลังทำอะไรอยู่ รณพีร์เห็นท่าทางประหลาด ๆ ของประณต จึงตัดสินใจเดินเข้าไปขวาง
    
    บุญชัยหันมาหา ร้องถามเสียงดังว่าจะซื้ออะไร ประณตเดินหน้าซีดเข้าไปในร้าน ขอซื้อดินสอแท่งหนึ่ง สลักจิตเงยหน้าขึ้นมามอง แต่ทำท่าเหมือนกับไม่รู้จักประณตเสียด้วยซ้ำ
    
    รณพีร์แกล้งพูดแหย่ประณตตอนพายเรือ กลับไปด้วยกัน “แค่ได้เดินผ่านหน้าบ้านเค้าก็ดีใจจะแย่แล้วใช่มั้ยล่ะ”
    
    “พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลยพี่พีร์”
    
    “ไม่เคยคุยกับเขาหรือ ได้ยินว่าชื่อสลักจิตน่ารักดีเนอะ”
    
    “สอบได้ที่ 1 นั่งหน้าห้อง ส่วนผมอยู่หลังห้อง จำชื่อผมไม่ได้ด้วยมั้ง”
    
    “ให้พี่ช่วยไหมล่ะ”
    
    เพียงขวัญแอบขำ
     
    กลับไปถึงบ้าน เพียงขวัญอาสาทำแกงส้มดอกแคกับผักกระเฉดให้รณพีร์กิน รณพีร์ดีใจมากที่เพียงขวัญมีทีท่าตอบรับตนมากขึ้นเรื่อย ๆ
    
    รณพีร์ตามไปช่วยเพียงขวัญกับประณตเก็บดอกแค ผักกระเฉด ตกกุ้งแม่น้ำเอาไปทำแกงส้ม ประณตเห็นรณพีร์ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนจับกุ้งจับปลาไม่เป็นก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก รณพีร์ได้แต่ยิ้มแห้ง ไม่กล้าบอกว่าตนไม่ได้เป็นชาวนาอย่างที่ทุกคนเข้าใจ
    
    เย็นนั้น รณพีร์กินแกงส้มจนหมดถ้วย เพียงขวัญแอบเขินเพราะรู้ดีว่าที่รณพีร์กินจนหมดเพราะเธอบอกว่าจะทำให้กิน พอกินข้าวเสร็จ เพียงขวัญเก็บจานชามไปล้าง ส่วนรณพีร์ถือถ้วยขนมหวานไปนั่งทานที่ศาลาริมน้ำ พอเพียงขวัญล้างจานเสร็จ ค่อยเดินตามไปคุย
    
    “ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องเมื่อคืนนะคะ” เพียงขวัญเห็นขนมยังไม่หมดถ้วยจึงเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย “ขนมหวานไม่อร่อยหรือคะ หรือว่าหวานไป”
    
    “หวานสู้คุณได้เหรอครับ เวลาคุณยิ้มให้ผม ขนมหวานที่ไหนก็หวานสู้คุณไม่ได้หรอก”
    
    เพียงขวัญเขินมาก รีบไล่ให้รณพีร์กลับไป “คุณกลับเถอะค่ะ ดึกแล้วค่ะ น้าบุหลันเขาออกมามองหลายครั้งแล้ว เขาคงกลัวชาวบ้านแถวนี้ครหา”
    
    “ขอบคุณสำหรับวันนี้ ขอบคุณสำหรับแกงส้มแสนอร่อย ขอบคุณสำหรับรอยยิ้มที่คุณมอบให้ ยิ้มอีกครั้งได้มั้ยครับ ก่อนกลับผมอยากเก็บรอยยิ้มคุณกลับไปด้วยครับ”
    
    เพียงขวัญผลักรณพีร์ออกไป แล้วยืนมองยิ้ม ๆ
     
    อัทธ์ไปขอพบเพียงขวัญที่บริษัทหนัง เสี่ยเพ้งโวยวายบอกให้รู้ว่ายกเลิกการถ่ายทำหนังกินรีแล้ว ส่วนเรื่องนางเสือสาวที่ถ่ายทำเสร็จแล้วก็จะไม่ตัดต่อ ไม่ฉาย เพราะไม่พอใจเพียงขวัญ เสี่ยเพ้งหาว่าเพียงขวัญเป็นคนอกตัญญู อัทธ์ร้อนใจรีบกลับไปเล่าให้อดุลย์ฟัง
    
    อดุลย์เป็นห่วง ขนซื้อข้าวสารอาหารแห้งจำนวนมากเอาไปให้นภาที่บ้าน พร้อมกับเอ่ยปากชวนให้เพียงขวัญไปทำงานที่บริษัทด้วยกัน นภากับเพียงขวัญไม่ยอมรับของ แถมยังช่วยกันเอ่ยปากไล่ให้อดุลย์กลับไป รณพีร์มาหาเพียงขวัญที่บ้าน ได้ยินที่เพียงขวัญกับนภาคุยกับอดุลย์พอดี
    
    หลังจากอดุลย์กลับไปแล้ว รณพีร์พยายามพูดกล่อมให้เพียงขวัญเข้าใจในตัวอดุลย์ “เขาคงอยากช่วยเหลือด้วยความหวังดี อย่าคิดมากซิครับ”
    
    “เค้าสงสารฉันมาก ถึงได้หอบข้าวของเป็นถุง ๆ แบบนั้นมา แต่เค้าคงลืมสิ่งที่เค้าทำกับฉันกับแม่นภา ยิ่งสงสาร ยิ่งช่วยเหลือ ฉันยิ่งสมเพชตัวเอง ปล่อยฉันจัดการชีวิตด้วยตัวฉันเองไม่ได้หรือไง”
    
    “แต่เค้าเป็นพ่อคุณนะ”
    
    “ฉันอยู่อย่างนี้ ฉันเป็นลูกแม่นภาก็ดีอยู่แล้ว ถ้าฉันเข้าบริษัทนั้น ฉันจะกลายเป็นลูกเมียน้อยของคุณอดุลย์ทันที เป็นนักแสดง คนก็ด่าว่าเป็นเมียน้อย ไปทำงานบริษัทเค้า คนก็จะด่าว่าฉันเป็นลูกเมียน้อยอีก ฉันเบื่อ ฉันอยากเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่หาเลี้ยงครอบครัวด้วยตัวเอง ฉันขอแค่นี้ไม่ได้เหรอคะ”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)