ผู้เขียน หัวข้อ: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง วันที่ 11 มิถุนายน 2556  (อ่าน 346 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง วันที่ 11 มิถุนายน 2556
« เมื่อ: มิถุนายน 11, 2013, 05:13:54 am »

 “ช่วงนี้เพื่อนต้องดูแลคุณพ่อและช่วยทำงานที่ไร่ค่ะ”
     
    “งั้นผมไปหาคุณเอง”
    
    “อย่าเลยค่ะ”
    
    “คุณรังเกียจผม”
    
    “เพื่อนไม่เคยรังเกียจความเป็นเพื่อนของเรา”
    
    “ผมไม่ใช่เพื่อนคุณ และคุณไม่ใช่เพื่อนผม..คุณคือคนรักของผม”
     
    รจนาไฉนรู้ว่าปวุฒิต้องการตื๊อ...พยายามพูดเคลียร์กับปวุฒิ
    
    “คุณปวุฒิคะ อย่าทำให้เพื่อนลำบากใจเลย ปล่อยให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบนี้เถอะ ยังไงเราไม่สามารถ”
     
    รจนาไฉนจะพูดความจริงกับปวุฒิ.. เห็นปัทม์เดินเข้ามา เธอรีบบอกลา แล้วกดวางสาย แต่กดไม่โดนปุ่ม..
     
    “คุยกับใครอยู่ครับ”
    
    “โทรฯ มาผิดเบอร์ค่ะ”
     
    “คุณตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลย”
    
    “ก็ฉันอยากให้คุณได้พักผ่อนนี่คะ”
    
    “อย่าทิ้งผมไปอีกนะ ไม่ว่าคุณจะหลับหรือตื่น ขอให้ผมได้อยู่เคียงข้างคุณ คุณเพื่อน...ใจของผมให้คุณหมดแล้ว ขอให้คุณซื่อสัตย์กับผม...อย่าทำร้ายหัวใจผมอีก”ปัทม์เข้ามาจับมือรจนาไฉน
    
    “ฉันให้คุณไม่ได้ค่ะ...ความซื่อสัตย์มันน้อยเกินไปที่จะตอบแทนความดีของคุณ ฉันพร้อมจะมอบความภักดีและความรักให้คุณหมดหัวใจค่ะ”
     
    ปัทม์ได้ฟังก็ซึ้ง จูบหน้าผากรจนาไฉน แล้วก็สวมกอดด้วยความรัก รจนาไฉนกอดปัทม์ตอบด้วยความรักเช่นกัน ขณะที่ปวุฒิได้ยินคำพูดทั้งหมด รู้สึกผิดหวังและเสียใจมาก....กดปิดเครื่อง แล้วเดินหันหลังออกไป...
     
    ปวุฒิเหมือนคนอกหักอย่างรุนแรง หลังจากได้ยินและเห็นภาพความรักของรจนาไฉนกับปัทม์ แล้วคำพูดของโลมฤทัยก็ผุดขึ้นมา...
    
    “คุณก็รู้ ว่าขั้นตอนการชงชา พิธีรีตองเยอะ สู้ฉีกซองใส่น้ำร้อน แค่นี้ก็ได้ดื่มแล้ว ของสำเร็จรูปง่ายกว่าเยอะ”
    
    “อะไรที่ได้มาง่าย ๆ มักไม่อร่อยและไม่มีคุณค่า...การใช้เวลากับบางสิ่งอาจจะเสียเวลาบ้าง แต่มันคุ้มค่าและจะอยู่กับเราไปชั่วชีวิต”
    
    “แล้วต้องรออีกนานแค่ไหน ให้ของรักถูกชิงไปอย่างนั้นเหรอ...ฉันจะหลอกล่อพี่เพื่อนไปเที่ยวน้ำตก ให้คุณได้อยู่กับพี่เพื่อนตามลำพัง...ช่วงเวลานั้นเป็นนาทีทองของคุณ...จะเคลียร์ใจ รื้อฟื้นความหลัง...หรือทำในสิ่งที่คุณรอคอยมาทั้งชีวิต...ที่นั่นจะเป็นสวรรค์ของคุณ โปรโมชั่นนี้มีแค่ครั้งเดียว เสาร์นี้เจอกันที่น้ำตกค่ะ”
    
    ปวุฒินิ่งคิดตัดสินใจ แล้วปาแก้วกาแฟทิ้ง...
     
    อุรารัตน์ตื่นนอน เห็นวราห์กำลังสวมใส่เสื้อผ้า
    
    “พาฉันไปซื้อของเข้าบ้านด้วยนะ ฉันไม่มีของติดตัวเลย”
     
    วราห์หัวเราะ ควักเงินสามพัน โยนใส่หน้าอุรารัตน์
    
    “นี่มันหมายความว่าไง”
    
    “ค่าตัว ผมให้มากกว่าเด็กที่ผมเคยออฟมาอีก...ระดับลูกสาวพ่อเลี้ยง ผมเพิ่มให้อีกห้าร้อย”
    
    “ฉันไม่ใช่โสเภณีนะ ฉันเป็นเมียแก”
    
    “เมีย? คุณลืมไปแล้วรึไง เคยขยะแขยงผลักไสผมยิ่งกว่าอะไรดี อ้อ..ลืมไป ตอนนี้จนตรอก ไม่มีที่ซุกหัวนอนมันก็เหมือนหมาข้างถนนตัวนึงที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด” ปลัดวราห์หัวเราะเยาะ
    
    “ฉันขอโทษ เราเริ่มต้นกันใหม่ได้...ฉันสัญญานะ ฉันจะเป็นเมียที่ดี”อุรารัตน์เข้ามากอดปลัดวราห์
    
    “ผมไม่โง่หาเหาใส่หัวติดร่างแหคดีพ่อคุณหรอก ออกไป”ปลัดวราห์ผลักอุรารัตน์
    
    “แกหลอกฉัน แกโกหกฉัน”
    
    “ยังจะหวังความจริงใจอีกเหรอโง่กว่าที่คิดไว้ซะอีก...นี่เป็นบทลงโทษที่คุณต้องจดจำไปชั่วชีวิต ถึงตาผมเอาคืน!”
    
    “เอาสิ ฉันก็จะเอาคืนแก! ฉันจะบอกตำรวจว่าแกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายา...ฉันจะเอาตำรวจมาลากคอแก”  ปลัดวราห์เข้ามาบีบคออุรารัตน์โมโห  “ระหว่างปลัดอำเภอกับลูกสาวพ่อค้ายา คำพูดของใครมีน้ำหนักกว่ากัน จำไว้ด้วยถ้าฉันเดือดร้อน...เธอตาย!!”
     
    พูดจบก็ตบหน้าอุรารัตน์ ก่อนจะเดินออกไป...อุรารัตน์ตกใจร้องไห้ด้วยความกลัว เพราะหมดหนทางเอาตัวรอด จึงไปหานงนุชที่บ้าน
    
    “มาทำไม ที่นี่มันแหล่งเสื่อมโทรม เป็นที่อยู่ของชนชั้นต่ำ”
    
    “นงนุช ฉันขอโทษ”
    
    “ขอโทษ โอ๊ยแม่เจ้า ลูกสาวพ่อเลี้ยงมาขอโทษขี้ข้า”
    
    “ขอฉันอยู่ด้วยได้ไหม ฉันไม่มีที่ไป...ฉันไม่มีใครแล้วจริง ๆ”
    
    “ใครหนอบอกไม่ง้อ ใครหนอไม่ตกอับ? เอ๊ะ..ใครกันน้า”
     
    “ฉันรู้ว่าฉันแรงกับแกมามาก แกคงไม่ให้อภัยฉัน” อุรารัตน์คิดว่านงนุชไม่ให้อภัยจะเดินกลับไป
    
    “จะไปไหน”
    
    “ก็แกไม่ให้ฉันอยู่ด้วย”
    
    “ฉันพูดไล่สักคำรึยัง”
     
    อุรารัตน์มองไป เห็นแววตานงนุชก็รู้ทันทีว่านงนุชให้อภัย ก็ยิ้มดีใจเข้าไปกอดนงนุชอย่างซึ้งใจ
    
    “มัวกอดอยู่นั่นแหละ ไม่อายชาวบ้านรึไง เข้าบ้าน”
    
    “ขอบใจแกมากนะ ขอบใจแกมาก”
     
    อุรารัตน์พร่ำขอบคุณนงนุช นงนุชรีบพาเข้าไปในบ้าน
      
    เช้าวันถัดมา รจนาไฉนเตรียมจะเข้าไปทำอาหารเช้า เห็นโลมฤทัยและลำเพาถือถาดใส่อาหารและผลไม้เข้ามาในห้องนพรัตน์ ก็ยิ้มปลื้มดีใจ
    
    “คุณแม่ทำอาหารให้คุณพ่อเหรอคะ คุณแม่ไม่น่าต้องลำบากเลย..เพื่อนทำได้ค่ะ”
    
    “แม่อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระลูกบ้าง”
    
    “พี่เพื่อนทำเพื่อครอบครัวมามากพอ แล้ว ให้พบกับคุณแม่ได้ช่วยเหลือบ้างนะคะ”
    
    “ทานเยอะ ๆ นะคะ....คุณพ่อจะได้มีแรง พรุ่งนี้เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน”โลมฤทัยป้อนข้าวให้นพรัตน์
    
    “น้องพบจะพาคุณพ่อไปไหนจ๊ะ”
    
    “พบอ่านหนังสือ เขาบอกว่าถ้าคนป่วยได้เปลี่ยนสถานที่ สูดอากาศบริสุทธิ์ จะทำให้คนป่วยผ่อนคลาย อาการก็จะดีขึ้นค่ะ เราสองคนคิดตรงกันว่าอยากพาคุณพ่อไปพักผ่อนชมน้ำตก”  โลมฤทัยหันไปถามจันทร์เจ้าว่าแถวนี้มีน้ำตกสวย ๆ บ้างไหม
    
    “ขอโทษเจ้า จันทร์เป็นขี้ข้าไม่ใช่ประชา สัมพันธ์การท่องเที่ยวถึงได้รู้ว่าตรงไหนมีน้ำตกบ้าง...เจ้า”
    
    “ป้าปยงค์ล่ะ พอจะทราบมั้ยจ๊ะ”
    
    “แถว...โน้น ไม่ใช่...แถว นั้น ไม่ใช่สิ...ต้องแถวนี้ เอ...แถวไหนน้า คนแก่เลอะเลือนความจำเสื่อมค่ะ”
     
    ปยงค์ตีสีหน้าซื่อชี้ไปเรื่อย แอบเย้ยไม่ให้ข้อมูลโลมฤทัย
    
    “ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวฉันลองขับรถไปสำรวจเองก็ได้ ขอบใจนะ”
     
    รจนาไฉนไปถามข้อมูลเรื่องน้ำตกจากปัทม์ เขาทำหน้าแปลกใจ
    
    “เธอจะพาโลมฤทัยไปน้ำตก”
    
    “ค่ะ น้องพบอยากให้คุณพ่อได้พักผ่อน ฉันก็เห็นด้วย”
    
    “ผมไม่อยากเชื่อว่าน้องสาวคุณจะคิดเรื่องนี้ได้”ปัทม์ไม่ไว้ใจโลมฤทัย
    
    “ฉันมั่นใจว่าน้องพบและคุณแม่พยายามปรับปรุงตัวเอง คนหลงผิดต้องการกำลังใจและโอกาสนะคะ...”
    
    “ผมเป็นกำลังใจให้นะ...ความดีของคุณคงจะชนะใจเขาสองคนแล้ว”
     
    ปัทม์โอบกอดให้กำลังใจรจนาไฉน รจนาไฉนยิ้มอย่างมีความสุข...ลำเพากังวลใจ จึงเข้ามาคุยกับโลมฤทัยที่กำลังเตรียมของจะไปน้ำตก
    
    “แล้วลูกมั่นใจได้ยังไงว่า คุณปวุฒิจะไปตามแผน”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)