อยู่ ๆ ก็มีข่าวออกมาว่าหนุ่ม ฮิวโก้-จุลจักร จักรพงษ์ จะหอบหิ้วภรรยาสาว ฮาน่า-ทัศนาวลัย และครอบครัวไปลงหลักปกฐานที่อังกฤษ และทิ้งวงการบันเทิงไทย งานนี้ฮิวโก้เลยขอเคลียร์ว่าไม่เปนความจริง พร้อมตอบคำถามเรื่องปมลูกคนที่ 2 ว่าไม่ได้มีการวางแผนอะไร ถ้าจะมาก็มา รวมทั้งอัพเดทเรื่องคดีความที่เจ้าตัวถูกกลุ่มนักดนตรีที่นิวยอร์กฟองร้อง เพราะดันไปใช้ชื่อซ้ำกันตอนที่หนุ่มฮิวโก้ ไปออกอัลบั้มที่โน่นด้วย
ฮิวโก้ เผยว่า “เรื่องย้ายครอบครัวไม่จริงครับ ผมก็เปนลูกครึ่ง ก็ไม่ได้ย้ายไปไหนนะ ไป ๆ มา ๆ ตลอด คือมันก็แล้วแต่งานและอารมณ์นะ ไม่ได้มีวางแผนว่าจะไป ผมตั้งใจไว้ว่าจะให้ลูกเรียนช่วงอนุบาลถึงประถมต้นที่เมืองไทยอยู่แล้ว ส่วนงานในวงการก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนเรื่องลูกคนที่สอง ผมว่าแพลนเรื่องพวกนี้ มันวางไปก็เท่านั้นถ้าเขาจะมาก็มา ผมเห็นคนที่อยากมีเหลือเกินก็มีไม่ได้ ส่วนคนที่คิดจะมีก็มีไม่ได้ ดังนั้นแผนเรามันไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องน้องคนที่สองมีก็ดี ไม่มีก็ได้ ผมมีความสุขกับชีวิต มันลงตัว ผมได้ใช้เวลากับครอบครัวเยอะ งานก็มีทำ ไม่มีอะไรที่ต้องบ่น ตอนนี้น้องฮาร์เปอร์ก็มีงานโฆษณาติดต่อเข้ามา แต่ผมไม่ทำ ผมอยากให้เขาออกความคิดเห็นว่า เขาอยากทำงานวงการบันเทิงหรืออยากจะเปนอะไร มากกว่าที่จะทำให้เขากลายเปนคนที่ทุกคนรู้จักทั้งประเทศ แต่เขาไม่มีสิทธิตัดสินใจอะไร เขาอาจจะไม่อยากใช้ชีวิตแบบนั้น เขาอาจจะไม่อยากเต้นกินรำกินก็ได้ เขาอาจจะอยากเปนทนายก็ได้ แต่เราก็ไม่ห้ามนะถ้าเขาอยากเข้าวงการ แต่ก็คงเตือนว่ายังมีอีกหลายอาชีพที่น่าทำกว่านี้ ให้เรียนก่อนดีกว่า ไม่ต้องเปนพรีเซ็นเตอร์โฆษณาหรอก คนอื่นอยากทำก็ไม่ว่า แต่ผมไม่คิดจะเลี้ยงลูกแบบนั้นครับ”
ถามถึงเรื่องคดีที่โดนฟองเพราะ ใช้ชื่ออัลบั้มซ้ำกับนักดนตรีที่นิวยอร์กหน่อย? “ตอนนี้คดีจบไปเรียบร้อยแล้ว ทางศาลก็ตัดสินว่าเราต้องเสียเงินให้เขา แต่เขาก็ไม่มีสิทธิใช้ชื่อ ฮิวโก้ตลอดไป ส่วนเขาจะเปลี่ยนชื่อมั้ย อันนี้ผมก็ไม่รู้ เพราะว่าเขาเองก็ไม่ได้มีผลงานมากมาย เขาก็จดทะเบียนชื่อฮิวโก้ในฐานะนักร้องไว้ในช่วงที่ผมออกอัลบั้มที่นิวยอร์กพอดี มันก็เหมือนเปนการรีดไถเงิน เขาก็อยากได้จำนวนหนึ่ง แต่มันก็เปนเรื่องเงินแหละครับ เพราะว่าชื่อฮิวโก้ เกิดมาผมก็ใช้ชื่อนี้ในใบเกิด แต่ตามกติกาที่มี ถ้าเราจะลุยคดีให้ถึงที่สุดนอกจากว่าเราไม่ผิด คุณนั่นแหละก็จะเสียเงินค่าทนายอะไรอีกเยอะ แต่เราก็เลยยุติแค่นี้ ก็โอเค เราก็ได้ชื่อเราต่อไป ซึ่งจริง ๆ เราก็ควรได้ใช้ต่ออยู่แล้ว และการต้องเสียเงินจำนวนหนึ่งซึ่งทางค่ายก็ออกให้ ทางเขาก็ไม่ได้ใช้ชื่อเราอีกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเขาได้เปรียบอะไร ผมไม่เข้าใจ คือตอนแรกเขาฟองว่า เราไปทำลายการหากินของเขา แย่งตลาดเขา ซึ่งความจริงมันก็ไม่ได้เปนอย่างนั้นครับ เขาก็เรียกตอนแรก 5 แสนเหรียญ แต่เราก็เสียไป 1.5 หมื่นเหรียญ”.
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง