สร้อยไม่ยอมแพ้ ใช้มีดที่แอบพกมาตัดเชือกที่ผูกข้อมืออยู่กับรัชชานนท์ขาด แล้วปีนหนีออกไปทางหน้าต่าง รัชชานนท์เป็นห่วงรีบตามสร้อยไป ทั้งสองคนวิ่งไปเจอจันทาจึงได้รู้เรื่องที่ทับทิมกับจ่อยจับคนที่บุกรุกเข้ามาในหมู่บ้านไว้ได้ สร้อยโมโหมากรีบวิ่งไปยังลานหลังหมู่บ้าน รัชชานนท์รีบวิ่งตามไปติด ๆ
พวกธราธรถูกจับไปกองรวมกันอยู่ที่ลานท้ายหมู่บ้าน พ่อใหญ่เห็นหน้าชัชวีร์แล้วก็ถึงกับอึ้ง รีบบอกให้ไกสอนพาชัชวีร์ไปคุยกันที่เรือนตามลำพัง
พ่อใหญ่รู้สึกคุ้นหน้าชัชวีร์มาก จึงพยายามจะซักถามว่าชัชวีร์เป็นใคร ชัชวีร์บอกให้รู้ว่าตนเป็นพวกเทวพรหม พ่อใหญ่มองชัชวีร์อย่างผิดหวัง แม้รู้ว่าเป็นไปได้ยากแต่ก็อดหวังไม่ได้
“ถึงผมจะเป็นนายทหาร ผมขอยืนยันว่า ผมมาที่นี่ด้วยเรื่องส่วนตัว และก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างไร ผมมาช่วยเพื่อนตามหาพี่ชายของเขาที่หายมาในป่านี่”
พ่อใหญ่ชักเอะใจ “คุณมาตามหาใคร”
“เรามาตามหาคุณชายรัชชานนท์ น้องชายของคุณชายธราธรและคุณชายพุฒิภัทรที่พวกคุณจับตัวไว้อยู่”
“คุณชายรัชชานนท์” พ่อใหญ่นิ่งอึ้งไปคาดไม่ถึง
เวลาเดียวกันนั้น รัชชานนท์ตามสร้อยไปเจอธราธรกับพุฒิภัทรที่ถูกจับตัวไว้ที่ลานหลังหมู่บ้าน สามคนพี่น้องดีใจมากที่ได้เจอหน้ากัน สถานการณ์ตึงเครียดคลี่คลาย
แม้จะรู้ว่าพวกธราธรเป็นพี่ชายรัชชานนท์ แต่จ่อยยังไม่วางใจ เพราะเห็นว่าพวกธราธรเข้ามาในหมู่บ้านได้ง่าย ๆ คนอื่นก็จะตามเข้ามาได้เหมือนกัน ไกสอนบอกให้จ่อยรู้ว่ารัชชานนท์จะพาสร้อยไปจากหมู่บ้านพรุ่งนี้ หลังจากนั้นอีกไม่เกินสองวันทุกคนในหมู่บ้านก็จะอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว จ่อยใจหายคิดว่าต้องแยกจากสร้อย ไกสอนบอกให้จ่อยรู้ว่าต้องตามสร้อยไปกรุงเทพฯด้วย และนอกจะต้องคอยดูแลสร้อยแล้ว จ่อยยังต้องช่วยสร้อยตามหารัชทายาทที่มีแหวนของเจ้าหลวง กับปานรูปมงกุฎที่ก้นเป็นสิ่งยืนยัน เมื่อพบแล้วก็ให้มอบสร้อยตะวันให้
พวกธราธรพากันแปลกใจเมื่อรู้เรื่องรัชชานนท์กับสร้อย พ่อใหญ่กับแฮรี่จับตาดูปฏิกิริยาของธราธรกับพุฒิภัทรอยู่ เมื่อเห็นทั้งสองทำหน้างงงันแต่ก็ไม่ได้ตั้งท่ารังเกียจก็รู้สึกโล่งใจ สร้อยบอกให้พวกธราธรไปพักกับรัชชานนท์ที่เรือนตาจั่น รัชชานนท์ทำท่าจะท้วงเพราะที่นั่นได้กลายเป็นเรือนหอของตนกับสร้อยแล้ว ธราธรบอกรัชชานนท์ให้ปล่อยสร้อยกลับไปค้างที่เรือนพ่อใหญ่ เพราะพรุ่งนี้สร้อยก็จะต้องไปจากพ่อใหญ่แล้ว สร้อยดีใจมากที่ไม่ต้องเข้าหอกับรัชชานนท์
รัชชานนท์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พวกธราธรฟัง “เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ผมก็เลยต้องตกกระไดพลอยโจนแต่งงานกับสร้อยฟ้า บอกตรง ๆ ผมก็ยังรู้สึกมึน ๆ งง ๆ อยู่ ก็ได้แต่แก้ไขปัญหาไปทีละเปลาะ ๆ ผมเชื่อว่า ทุกอย่างต้องมีทางออกของมันเอง”
“แต่ที่ฉันเห็นนี่ ดูนายไม่ได้มึน ๆ งง ๆ อย่างที่ว่าเลย เห็นชวนเจ้าสาวเข้าหอยิก ๆ แต่ที่จริงก็ดีเหมือนกัน ไอ้ชายโสดไม่เคยพร้อมที่จะลงหลักปักฐานกับใครเค้าเนี่ย มันต้องเจออย่างนี้แหละ”
“เดี๋ยวก่อนนะครับ พี่ชายใหญ่..ชายเล็ก นี่แสดงว่า ตอนที่พวกฉันกำลังถูกจับตัว อยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เป็นตายไม่รู้ เป็นเวลาเดียวกับที่นายได้เข้าหอกับสร้อยฟ้างั้นเหรอ”
“โธ่! พี่ชายภัทร ผมได้เข้าหอจริง ๆ เสียเมื่อไหร่ ที่เล่าให้ฟังเสียยืดยาวนี่ ไม่ได้กระจ่างขึ้นหรือครับ”
“ก็เข้าใจขึ้นมาก เออ ไอ้เรื่องที่นายต้องไปช่วยเมียตามหาเจ้ารัชทายาทนี่ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะ”
“อย่าเพิ่งไปถึงเรื่องตามหาเจ้าชายเวียงพูคำเลยครับ เรามาคิดถึงเรื่องที่ต้องเจอก่อนดีกว่า พี่ชายเล็กจะเรียนหม่อมย่าเอียดเรื่องสร้อยฟ้าว่ายังไงครับ”
รัชชานนท์นิ่งอึ้งไม่สามารถตอบคำถามของชัชวีร์ได้
แม่เฒ่าให้จันทาเดินทางไปกับพวกรัชชานนท์ด้วย พวกพ่อใหญ่กับคนในหมู่บ้านมาส่งพวกรัชชานนท์ที่เรือนพ่อใหญ่กันพร้อมหน้า รัชชานนท์ไหว้ลาพ่อใหญ่ก่อนพาสร้อย จ่อย จันทา ออกไปจากหมู่บ้าน
เมื่อเดินมาถึงทางเข้า–ออกของหมู่บ้าน สร้อยหยุดยืนมองไปทางหมู่บ้านอย่างอาลัยอาวรณ์รัชชานนท์แตะแขนสร้อยให้เดินต่อไป สร้อยตัดใจเดินออกไป จ่อยก้มลงจะหยิบก้อนหินสองก้อนวางไว้เป็นสัญลักษณ์ว่ามีคนออกไปจากหมู่บ้านสองคน สร้อยรีบห้ามไว้
“บ่ต้องวางหินดอก บักจ่อย เฮาคงบ่ได้กลับมาที่นี่อีก นี่เป็นเทื้อแรกที่ข้อยต้องจากพ่อใหญ่ แต่ข้อยต้องได้เจอพ่อใหญ่อีก! แต่บ่ได้เจอกันที่นี่ เฮาสิไปเจอกันที่แผ่นดินเกิด..เวียงพูคำ”
ทันทีที่รัชชานนท์เดินมาถึงถ้ำทางเข้าออกที่ยังมีมนต์หมอกอยู่มนต์หมอกค่อย ๆ จางลงจนเห็นทางออกได้ชัด
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง