“น้องนางเล็ก ๆ ยิ้มหน่อยได้มั้ยครับ”
รจนาไฉนจำใจยิ้มสวย ๆ งาม ๆ แต่ออกมาแข็งมาก เจ๊ไวไวส่ายหน้าบอกเอาใหม่
“โอ๊ย เร็ว ๆ ได้มั้ย เมื่อยจะตายอยู่แล้ว ถ่ายไม่ได้ ก็ไม่ต้องถ่าย เสียเวลาคนอื่น”
“ไม่มีใครยิ้มเก่งมาจากท้องพ่อท้องแม่หรอกนะคะ ดูตัวอย่างเจ๊นะคะ ยิ้มพิมพ์ใจ”
เจ๊ไวไวยิ้มให้ดูเป็นตัวอย่าง รจนาไฉนพยายามยิ้มเลียนแบบ ตากล้องกดชัตเตอร์ทันที ปัทม์ลอบมองแล้วเผลอเอ็นดู แต่เมื่อเห็นสายตาของอุรารัตน์มองมาดุ ปัทม์รีบหันหน้าไปทางอื่น
“อ่ะ เปลี่ยนโพส” เจ๊ไวไวสั่ง อุรารัตน์จงใจเปลี่ยนโพสไปกอดคอปัทม์อย่างใกล้ชิดนัวเนียที่สุด รจนาไฉนพยายามไม่สนใจ นั่งนิ่งยิ้มพิมพ์ใจเหมือนเดิม อุรารัตน์เปลี่ยนโพสเบียดชิดไปเรื่อย ๆ จนปัทม์อึดอัด เหลือบเห็นรจนาไฉนยิ้มเยาะ จึงจ้องตอบอย่างท้าทาย เมื่อถ่ายเสร็จ อุรารัตน์แยกตัวไปเปลี่ยนชุด
“ถ่ายเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอคะ” รจนาไฉนถามขึ้น
“เจ๊ขอถ่ายอีกเซตนึง เชิญคุณปัทม์ด้วยนะคะ”
เจ๊ไวไวเข้ามาจัดโพสท่า รจนาไฉนจะลงนั่งเป็นบทบาทคนใช้
“ไม่ต้องนั่งจ้ะน้อง เซตนี้ไม่เกี่ยวกับเซเล็บคู่รักแล้วค่ะ แต่จะใช้โปรโมตชุดของร้านผ้า เป็นคอนเซปต์ประมาณ...เจ้า แอบมีใจให้นางเล็ก ๆ ชื่อภาพว่า “ทาสหัวใจ”
ปัทม์มองหน้ารจนาไฉน ไม่อยากทำ แต่เจ๊ไวไวเข้ามาจัดท่าให้
“กอดกันเลยค่ะ แหม.. มืออาชีพทั้งคู่เลย กอดแน่น ๆ ยิ้มหวาน...ค่ะ”
“ขอโทษ ผมทำไม่ได้...เพราะผมไม่ได้รักคนใช้” ปัทม์ประชด
“ใช่ค่ะ เพราะในชีวิตจริงคนใช้อย่างฉันคงไม่มีสิทธิคิดรักเจ้านาย”
“ตัดโลกแห่งความเป็นจริงออกให้หมด...นี่เป็นเพียงบทบาทสมมุติ เจ๊ขอร้องละ จะได้เสร็จ ๆ ไป เอางี้...ค่อย ๆ หลับตานะคะ...จินตนาการว่าเราเป็นคนใช้ คนใช้ที่เคยเกลียดชังเจ้านาย แต่ภายในใจแล้ว รักเขาโดยไม่รู้ตัว...ส่วนเจ้านายก็เกลียดชังนังทาสมาก...แต่ยิ่งแกล้งก็ยิ่งพบว่า...เธอช่างแสนดีอ่อนโยน อ่อนหวาน...จนเราไม่อาจทานความรู้สึกในหัวใจได้...เอาล่ะ...ค่อย ๆ ลืมตานะคะ”
ปัทม์และรจนาไฉนลืมตา สายตาคู่นั้นด้วยความรู้สึกอินตามบท เจ๊ไวไวบอก หันไปส่งสัญญาณให้ช่างภาพถ่ายภาพแล้วคอยกำกับอยู่ห่าง ๆ
“คราวนี้โน้มตัวเข้าไปอีก...เชยคาง...สบตาไว้นะคะ เจ้านายยื่นหน้าไปหานางเล็ก ๆ แล้วจะจุมพิต”
ปัทม์ทำตามจนหน้าเกือบชิดรจนาไฉน แต่แล้วเสียงอุรารัตน์ก็กรี๊ดดังขึ้น ทุกคนหันไปเจออุรารัตน์วีนแตก...รจนาไฉนรีบออกห่างปัทม์ อุรารัตน์มองเขม่นไม่พอใจ
“มันกอดปัทม์ แล้วปัทม์ก็จะจูบมัน”
“มันก็แค่ภาพถ่าย” ปัทม์อธิบาย
“ใช่ค่ะ เป็นแค่บทบาทสมมุติ คุณน้องหึงคนใช้ด้วยเหรอ”เจ๊ไวไวเสริม
นงนุชกลัวอุรารัตน์เสียหน้า รีบตัดบทบอกถ่ายเสร็จแล้ว เจ๊ไวไวรีบยกกองกลับไปได้แล้ว รจนาไฉนจะเดินไป อุรารัตน์เข้ามาขวางอย่างเอาเรื่อง
“จำไว้นะ ที่ปัทม์ยอมทำอย่างนั้นเพราะความจำเป็น อย่าริเก็บไปคิดฝันหวานว่าคุณปัทม์จะรักแก”
“ไม่เอาน่าคุณ...คนใช้ก็เป็นได้แค่คนใช้ ไม่มีวันเป็นอะไรได้มากกว่านี้หรอก”
ปัทม์มองเยาะเย้ย รจนาไฉนจ้องหน้าสายตาแข็งกร้าว ไม่ยอมแพ้
“ขอบคุณที่เตือนสติฉัน แต่คงไม่จำเป็น..เพราะดิฉันรู้ตัวดีว่าอยู่ในฐานะอะไร โลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้สวยงาม เหมือนโลกในฝัน ทาสก็เป็นได้แค่ทาส” รจนาไฉนเดินออกไป
อุรารัตน์หันไปอ้อนปัทม์ให้พาออกไปกินข้าวที่ข้างนอก ปัทม์ปฏิเสธ บอกอยากพักผ่อนเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน
ตอนที่ 6
ค่ำคืนนั้น ปัทม์นั่งสบายใจมองดูพระจันทร์ นึกถึงตอนถ่ายภาพที่รจนาไฉนเป็นนางเล็ก ๆ แล้วหน้าบูดแต่ต้องฝืนยิ้ม ปัทม์อมยิ้มขำ ก่อนจะชะงักเพราะเห็นรจนาไฉนมายืนตรงหน้า
“ฉันขอโทษ... ที่เข้ามาขัดจังหวะเวลาความสุขใจของคุณ”
“รู้ด้วยเหรอว่าฉันกำลังสุขใจ”
“คนที่เพิ่งจะเจอกับคนรัก ถ้าไม่สุขใจก็คงแปลก”
“ทำไมถึงคิดว่าตัวเองเป็นคนเข้าใจคนอื่นนัก”
“คงเป็นเพราะฉันยังมีหัวใจ...รู้จักรัก รู้จักเจ็บปวด ถ้าหากคุณมีคนที่คุณรัก รู้จักความรัก คุณก็น่าจะเข้าใจคนอื่นบ้าง”
“หยุดพล่ามได้แล้ว มาหาฉันทำไม”
“ฉันมาขอหย่า คุณมีคนรักอยู่แล้ว ต้องฝืนใจแต่งงานกับฉันเพราะคำสัญญาระหว่างพ่อของเรา เพราะฉะนั้น...หย่ากับฉันเถอะ ฉันจะคืนอิสระให้กับคุณ ฉันขออย่างเดียว... เงินหนึ่งล้าน! แล้วฉันจะไปจากคุณทันที”
“เงินอีกแล้วเหรอ” ปัทม์อารมณ์ขึ้นทันที
“ความจริงมันก็เป็นเงินที่คุณสัญญาว่าจะให้ฉันกับครอบครัวนะคะ ฉันขอให้เราพูดกันด้วยเหตุผล อย่าใช้อารมณ์ได้มั้ย”
“เธอไม่มีสิทธิมาขออะไรจากฉันทั้งนั้น ถ้าจะหย่า...เธอก็เดินออกไปได้เลย แต่ฉันไม่มีวันให้เงินเธออีกแล้ว แม้แต่บาทเดียว” ปัทม์เดินหนี แต่รจนาไฉนยังไม่ยอมแพ้ รีบเดินตามออกไป
เวลาเดียวกัน หน่อเอกับพวกซึ่งมาทำงานกับปัทม์หลายวันแล้ว แอบเข้าไปในโกดังเก็บชา แล้วเทน้ำมันลงไปยังกล่องชาที่วางเรียงรายภายในโกดังหวังจะเผาให้วอดวาย เพราะแค้นที่ปัทม์บังคับให้พวกเขามาทำงานด้วย
ชิเดินตรวจดูความเรียบร้อย เห็นประตูเปิดอยู่จึงโผล่เข้ามามองแล้วส่องไฟเข้ามาดู ตะโกนถามว่ามีใครอยู่ในโกดัง แต่ไม่มีเสียงตอบ ชิเข้ามาส่องหาความผิดปกติภายในโกดัง แต่กลับโดนหน่อเอกับพวกทำร้ายจนหมดสติอยู่ตรงนั้น
รจนาไฉนเดินตามตื๊อปัทม์ที่มีสีหน้าไม่พอใจมาก
“เราสองคนต้องทนทุกข์ทรมานไปเพื่ออะไร ในเมื่อต่างคนต่างไม่มีความสุข ไม่ประโยชน์อะไรที่เราจะอยู่ด้วยกัน”
“ความสุขของเธออยู่ที่ไอ้ปวุฒิแฟนเก่า...กับเงินอีกหนึ่งล้านใช่มั้ย”
“กรุณาอย่าดึงเอาคุณปวุฒิมาเกี่ยวข้อง”
“ยังรักมันมาก คอยปกป้องมันตลอด เธอคงมีเวลามากถึงได้มีเวลาเพ้อฝัน ต่อไปนี้ฉันจะหางานให้เธอทำ เธอจะได้เลิกคิดเพ้อเจ้อถึงชายในฝันซะที”
ปัทม์ยังไม่ทันได้เล่นงานรจนาไฉน จันทร์เจ้าวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกว่าไฟไหม้โกดังเก็บใบชา ปัทม์รีบรุดไปที่เกิดเหตุทันที เห็นคนงานกำลังช่วยกันขนน้ำมาดับไฟที่กำลังลุกลาม
“ขนใบชาออกมาให้หมด” ปัทม์ตะโกนสั่ง
“คนงานบอกว่าไอ้ชิติดอยู่ข้างในโกดังค่ะคุณปัทม์” ปยงค์รายงาน
ปัทม์วิ่งเข้าไปในโกดังโดยไม่คิดถึงอันตราย ทุกคนตกใจ รจนาไฉนได้สติรีบวิ่งไปหาจันทร์เจ้า แล้วช่วยแบกถังน้ำส่งให้คนงาน พลางสั่งให้คนงานรีบเข้าไปช่วยปัทม์โดยเร็ว ...ขณะที่หน่อเอและพวกยืนมองภาพโกดังไฟไหม้ด้วยความสะใจ
ปัทม์วิ่งเข้าไปเห็นชิหมดสติอยู่ที่พื้นโกดังด้านหนึ่ง เขาและคนงานช่วยกันประคองพาชิออกมา ปัทม์ยืนมองไฟที่กำลังเผาชั้นภายในโกดังอยู่นั้น ก่อนรีบหันไปสั่งการคนงานคนอื่น ๆ ที่เข้ามาช่วยคนละไม้คนละมือ ปัทม์วิ่งขนกล่องใส่ใบชาออกมาพร้อมกับคนงาน รจนาไฉนมองปัทม์ที่วิ่งเข้าไปในโกดังด้วยความตื่นตกใจและเห็นใจ เธอวิ่งไปรับถังน้ำจากคนงานมาช่วยดับไฟ พวกหน่อเอทำทีเป็นวิ่งเข้ามาช่วยขนถังน้ำ
ปัทม์วิ่งถือกล่องชาออกมาชนกับรจนาไฉนที่ช่วยดับไฟ เธอทิ้งถังแล้วดึงกล่องใบชาจากปัทม์ เอาไปวางไว้รวมกับกล่องอื่น ๆ ปัทม์มองตามอย่างอึ้ง ๆ ก่อนเหลือบตามองไปเห็นหน่อเอและพวกที่กำลังช่วยกันขนถังน้ำ ปัทม์จ้องอยู่ชั่วครู่ไม่ไว้ใจ ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปใหม่ รจนาไฉนวิ่งตามเข้าไปในโกดัง ท่อนไม้ที่ถูกไฟไหม้ร่วงหล่นลงมาฟาดลงบนหัวของปัทม์เลือดโชกที่ศีรษะ แต่ยันกายลุกขึ้นเอาไว้ได้ รจนาไฉนตกใจหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองที่พกติดตัวอยู่ พับเป็นแถบเข้าไปพันที่รอยที่หน้าผากปัทม์ด้วยความเป็นห่วง
ไม่นานไฟสงบลง โกดังเก็บใบชาเสียหายไปบางส่วน ทุกคนยืนมองอย่างโล่งใจ หน่อเอและพวกยืนปะปนอยู่กับพวกคนงานไม่พอใจที่แผนไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้
“ไฟไหม้ได้ยังไง ไม่ได้ตรวจไฟก่อนจะปิดโกดังเหรอ” ปยงค์หันไปถามชิ
“มีคนลอบวางเพลิงแน่ ๆ ฉันโดนพวกมันตีเข้ากลางกบาลอีกต่างหาก”
คนงานวิ่งถือซากแกลลอนน้ำมันเข้ามาหาปัทม์
“เจอแกลลอนน้ำมันอยู่ในโกดังครับ”
“ชิ... เห็นหน้าพวกมันมั้ย”
“ไม่เห็นครับ เห็นแต่เงาตะคุ่มตะคุ่ม ปิดหน้าเหลือแต่ลูกกะตา”
หน่อเอและพวกหลุบตาต่ำ ไม่สบตากับปัทม์ที่มองมา...เวลาถัดมา ปัทม์ทำการสอบสวนทันที จนรู้ว่าเป็นพวกหน่อเอที่ทำ เขาจึงลงโทษด้วยการสั่งให้สร้างโรงเก็บชาใหม่ให้เสร็จภายในสองอาทิตย์ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ถึงตำรวจแน่ หน่อเอและพวกรู้สึกเครียดกับคำสั่งของปัทม์
ปวุฒิทนคิดถึงรจนาไฉนไม่ไหวจึงมาหาที่ไร่ชา ทั้งสองต่างดีใจที่พบกัน หลังพูดคุยกันทำให้ปวุฒิรู้ว่าเธออยู่อย่างไม่มีความสุขจึงชวนหนีไปด้วยกัน แต่รจนาไฉนปฏิเสธ เพราะสิ่งสำคัญสำหรับเธอในตอนนี้คือหาเงินรักษาอาการป่วยของนพรัตน์ แต่ปวุฒิไม่สนใจพาเธอขึ้นรถมาแล้วขับออกไปทันที
“คุณปวุฒิ เพื่อนขอร้องล่ะ...หยุดรถเถอะค่ะ” รจนาไฉนอ้อนวอน
“ผมไม่ยอมให้คนรักต้องเจ็บปวดหรือเสียใจเป็นอันขาด คุณถูกรังแกจิตใจมากเกินไปแล้ว”
“เพื่อนบอกคุณแล้วไงคะ เพื่อนเป็นภรรยาของเขาโดยถูกต้องตามกฎหมาย”
“แต่เขาไม่มีสิทธิทำร้ายจิตใจภรรยาเหมือนทาส คุณมีสิทธิที่ฟ้องหย่า ผมจะช่วยเหลือคุณเอง”
รจนาไฉนมองเห็นปัทม์ควบม้าสวนมาแต่ไกลก็ตกใจ ปวุฒิรีบเบรกรถแล้วเดินตรงมาหาปัทม์ที่ยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า
“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งครับคุณปวุฒิ นึกไม่ถึงเลยว่ารสรักรสสวาทจะรุนแรงถึงขั้นข้ามดอยมาแย่งเมียคนอื่น!”
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง