ผู้เขียน หัวข้อ: ‘เมย์’ เก็บเกี่ยวประสบการณ์สานฝันสร้างแบรนด์ ‘มาริฮอร์น’ - สตาร์ เทรนดี้  (อ่าน 376 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 หายจากวงการแสดงไปเลยทีเดียว เพื่อปลุกปั้นสานฝันธุรกิจเสื้อผ้านำเข้าอยู่นาน สำหรับนักแสดงสาว เมย์-มาริษา ฮอร์น ผ่านมาเกือบ 7 ปี ในที่สุดเธอก็สร้างแบรนด์เสื้อผ้า “มาริฮอร์น” ออกมาจนได้ ถึงขนาดที่สื่อและบล็อกเกอร์ต่างชาติในมิลาน อิตาลีให้ความสนใจ แถมยังเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่ได้ไปเดินโชว์ในงาน “โตเกียว รันเวย์” ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย วันนี้ “ก้อยโกะ” เลยแวะไปเยี่ยมชมร้าน “มาริ-เจ” ที่สยามสแควร์ พร้อมพูดคุยกับเธอซะเลย
    
    จากนักแสดงสู่เส้นทางแฟชั่น
    
    -เมย์เป็นคนชอบแต่งตัวตั้งแต่เด็กจะชอบเอาเสื้อผ้าคุณแม่มาใส่และลิปสติกของท่านทาปาก สวมรองเท้าส้นสูงของท่าน เมย์ว่าเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่เมย์จะค่อนข้างจริงจังกับการแต่งตัวมิกซ์แอนด์แมตช์ อย่างตอนเป็นนักแสดงก็จะไปเดินพาหุรัดหาผ้ามาตัดเสื้อเองตลอด เราไม่ชอบใส่เสื้อผ้าที่ซ้ำกับคนอื่น เวลาใส่ชุดออกงานพี่คอสตูมหรือสไตลิสต์ก็จะถามว่าของร้านไหน ก็จะบอกเขาว่าเราทำเอง ก็จะภูมิใจ เราสร้างความมั่นใจให้ตัวเองมาเรื่อย ๆ ก็คิดว่าถ้าเราทำเสื้อผ้าจริง ๆ ก็อาจจะขายได้ก็ได้ แต่ตอนนั้นก็แค่คิดเพราะเป็นแค่นักแสดงอยู่”
    
    “มาริ-เจ” จุดเริ่มต้นฝัน
     
    “เมย์ค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์อยู่ จนกระทั่งจบปริญญาโทด้านการบริหารจัดการสื่อ เมย์เริ่มคิดบางอย่างว่าเราควรทำธุรกิจเป็นของตัวเองได้แล้ว ตอนนั้นคิดว่าจะทำเสื้อผ้า แต่จะเริ่มต้นอย่างไรดี การทำเสื้อผ้าไม่ใช่แค่ตัดชุด 1 ชุดใส่ออกงาน เราไม่รู้จักดีไซเนอร์และช่างฝีมือดี เรารู้จักแต่ช่างตามบ้านที่ตัดชุดให้เรา เลยคิดว่านำเข้าเสื้อผ้าจากต่างประเทศมาก่อนดีไหม พอดีช่วงนั้นกระแสญี่ปุ่นเริ่มมา บางคนดูนิตยสารญี่ปุ่น แต่ไม่มีแหล่งที่จะไปซื้อ เราเลยนำของพวกนี้มาขาย โดยเปิดร้านจริงจังเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว ชื่อ “มาริ-เจ” ที่สยามแสควร์ ช่วง 3-4 ปีแรกกระแสตอบรับดีมาก เราทำเป็นร้านแรก ลูกค้าให้ความสนใจ เวลาเห็นของในนิตยสาร “เอสคาวาอี้” เขาก็จะมาหาซื้อที่ร้านเราได้ คนดีใจมากที่สามารถซื้อของได้แล้ว ทำให้ประสบความสำเร็จเกินกว่าที่เราคาดหมาย จนมาช่วงหลังคนเริ่มนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น พวกเครื่องสำอางเยอะ ทำให้คู่แข่งเยอะ เราก็ลดจำนวนพวกนำเข้าเครื่องสำอางลง หันมาทำแบรนด์เสื้อผ้า “มาริ-เจ” เอง”
    
    “มาริ-เจ” สั่งสมประสบการณ์เพาะบ่มมาเป็น “มาริฮอร์น”
    
    “เปิดร้าน “มาริ-เจ” มา 6-7 ปี ก็เริ่มอิ่มตัว และตลอดเวลาที่ผ่านมาใจเราอยากจะทำแบรนด์ที่เป็น “ไฮเอนด์”  ไม่อยากทำแบรนด์ทั่ว ๆ ไป กลัวคนซื้อแล้วจะไม่รักษา เราต้องการให้คนเห็นคุณค่าเสื้อผ้าของเรา ต้นปี 2555 เราวางแผนต่าง ๆ หาทีมงาน แหล่งผลิต จนก่อนปลายปีที่แล้วก็หาดีไซเนอร์ เพราะเราไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้โดยตรง เรามีแต่ภาพในหัว แต่เราอยากได้คนมาสานจินตนาการภาพในหัวของเราให้จับต้องได้โชคดีที่ได้น้องดีไซเนอร์ 2 คน ได้แก่ เจแปน-สัญชัย สุขเกษม และ กิ๊ก-ชลธาร ชัชวาลามาช่วยสานฝันให้เรา”
    
    ลองผิดลองถูกกับคอลเลกชั่นแรก
       
    “เราทำคอลเลกชั่นแรกออกมาเพื่อดูทิศทางตลาดก่อนว่าขั้นตอนการทำเสื้อผ้าแบรนด์เป็นอย่างไรและมีอุปสรรคอะไรบ้าง ทำเพื่อเรียนรู้ เป็นลายพิมพ์ “ดอกมะลิ” เราใช้ดอกมะลิเพื่อเล่นคำว่า “มาริ” และใส่ “เขา”เข้าไป “เขา” มาจากคำว่า “ฮอร์น” ซึ่งเป็นนามสกุลของเมย์ ถามว่าคอลเลกชั่นแรกประสบความสำเร็จไหม ก็สำเร็จ แต่ยังไม่ที่สุดอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่คนมองว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว เพราะเสื้อผ้าเราถูกลอกเลียนแบบ ตอนนั้นก็อาจจะเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ก็คิดซะว่าถ้าแบรนด์ไม่ดัง เขาคงไม่ก๊อบปี้”
    
    “เทรเชอร์ โทรฟ” คอลเลกชั่นที่ปลุกปั้น
    
    “ตอนที่จะทำคอลเลกชั่นที่ 2 เราเอาประสบการณ์จากการทำคอลเลกชั่นแรกมาปรับเปลี่ยนวิธีใหม่หมด คอลเลกชั่นแรกค่อนข้างหวาน ทำให้กลุ่มเป้าหมายน้อยมีแค่สาวหวาน แต่จริง ๆ เดิมทีแรกเริ่มเมย์ตั้งใจให้ “มาริฮอร์น”  เป็นแนวโก้หวานตามสไตล์การแต่งตัวของเรา ตอนนี้มาริฮอร์นเลยจะเป็นสไตล์เฟมินีนแซมหวาน เราก็คิดว่าสปริง-ซัมเมอร์จะทำอะไรดี เราคิดถึงแสงแดด ทะเล แต่การเห็นทะเลแล้วมีต้นมะพร้าวเป็นอะไรที่จำเจ เลยคุยกับดีไซเนอร์ว่าจะไปอยู่กลางทะเล ล่องเรือไปหาโจรสลัดหาสมบัติใต้ทะเล เรื่องราวก็ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นเสื้อผ้าในแบบต่าง ๆ ของ “เทรเชอร์ โทรฟ” แบบลายผ้าจะเป็นแผนที่ลายเดินเรือ และลงใต้ทะเลมีนางเงือก เป็นต้น ลายผ้าเราพิมพ์เอง บางส่วนก็นำมาจากต่างประเทศ”
    
    เสริมทัพด้วยแอสเซสเซอรี่
    
    “ในคอลเลกชั่นล่าสุดอย่างที่บอกว่ามีเน้นอะไรเกี่ยวกับทะเลกลางมหาสมุทร จากที่มีหีบสมบัติ เราเลยทำเหรียญทองเป็นลายแบรนด์มาริฮอร์นมาทำเป็นเหรียญทองตุ้มหู กระเป๋า และรองเท้าด้วย ที่หันมาทำแอสเซสเซอรี่เป็นเพราะเราชอบการมิกซ์แอนด์แมตช์ เราเห็นความสำคัญของสิ่งที่จะมาประกอบกับเสื้อผ้า เสื้อผ้าจะเด่นขึ้นเมื่อมีแอสเซสเซอรี่ เรียกได้ว่าถ้าเข้ามาร้านเราปุ๊บคุณสามารถสวยได้ตั้งแต่หัวจรดเท้าออกไปเลย”
    
    ทำเองทุกขั้นตอน เหนื่อยแต่สนุก
    
    “จริงอยู่มันอาจจะเป็นความเหนื่อยที่สนุก แต่บางทีที่เราเจอปัญหาที่คาดไม่ถึง และเราไม่เคยมีประสบการณ์ตรงนี้เลย ไม่เคยทำแบรนด์เสื้อผ้ามาก่อน ไม่ได้จบแฟชั่นดีไซน์ ทุกอย่างเกิดจากประสบการณ์และความรักในแฟชั่นล้วน ๆ บางทีพอเจอปัญหาก็จะรู้สึกท้อเหมือนกันว่าเราไม่ได้มีคนที่จะเป็นที่ปรึกษาหรือแนะนำเราได้ โชคดีที่เรามีทีมที่ดี ทุกคนทำเพื่อแบรนด์จริง ๆ”
    
    ภูมิใจสื่อต่างประเทศให้ความสนใจ
    
    “เนื่องจากเมย์เป็น “แฟชั่น ไดเร็กเตอร์” ที่นิตยสาร “กราเซีย” ในไทย ทาง “มิลาน แฟชั่น วีค” จะมาเชิญนิตยสารต่าง ๆ ไปอยู่แล้ว ก็มีโอกาสได้ไป เราก็ใส่เสื้อผ้าแบรนด์ของเราไปด้วย ซึ่งสื่อและบล็อกเกอร์ที่นั่นให้ความสนใจ นิตยสาร “โว้ก” มาขอสัมภาษณ์ บล็อกเกอร์ต่าง ๆมาขอถ่ายรูปรายละเอียดลายผ้าของเรา เขาก็ถามว่าแบรนด์อะไร เมย์ตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า “ไทย แบรนด์”  ตอนนั้นรู้สึกดีใจหายเหนื่อย เราตั้งใจจะไปดูโชว์ แต่คนกลับมาชื่นชอบเสื้อของเรา และส่งรูปมาให้ดีไซเนอร์และทีมงานของเราดู เพื่อเป็นกำลังใจ อย่างตอนไป “โตเกียว รันเวย์” ไม่คิดว่าที่นั่นจะเชิญแบรนด์ใหม่อย่างเราไปร่วมเดินแบบด้วย เป็นงานแฟชั่นใหญ่มาก แบรนด์ “มาริฮอร์น” เป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่ได้ไปเดินที่โตเกียว เป็นแบรนด์แรกที่เขาเลือกให้แบรนด์ต่างชาติไปเดิน ประสบความสำเร็จพอสมควร ก็มีคนติดต่ออยากจะได้สินค้าของเราไปวางที่นั่น อยู่ในขั้นตอนการเจรจาอยู่ เราต้องรอบคอบนิดหนึ่ง เพราะเราไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มากนัก” 
    
    วอนขออย่าก๊อบปี้แบรนด์
    
    “ฟีดแบ็กคอลเลกชั่นที่ 2 ดีกว่าอันแรก ตอนไปโตเกียวรันเวย์คนรู้จักแบรนด์เรามากขึ้นเยอะเลย ลูกค้าเริ่มชื่นชอบ แค่นี้เราก็รู้สึกดีใจแล้ว อย่างเรื่องที่ถูกก๊อบปี้ ก็อยากฝากถึงคนที่ก๊อบแบรนด์ไทยด้วยกันเอง แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่แบรนด์ไทยจะได้โตเสียที อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา สำหรับลูกค้าก็อยากให้สนับสนุนแบรนด์ไทย ลองแวะมาดูได้ที่สยามสแควร์และเซ็นทรัลลาดพร้าว นอกจากนี้จะมีป๊อป-อัพ สโตร์ วันที่ 23 พ.ค. ที่เซ็นทรัลชิดลม ในเดือน มิ.ย. จะขยายสาขาเพิ่มที่เซน ราชประสงค์ และ เอ็มโพเรียม ค่ะ”. ก้อยโกะ   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)