แม้จะสูญเสียคุณแม่ สุวรรณี โชติชัยชรินทร์ ไปอย่างไม่มีวันกลับ จากการเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าแต่เกิดลิ่มเลือดอุดตันทำให้จากไปอย่างกะทันหัน และงานสวดอภิธรรมศพยังไม่เสร็จสิ้นดี แต่เรายังเห็นพระเอกหนุ่ม ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ ทำงานเป็นพิธีกรดำเนินรายการสด “จันทร์พันดาว” ทางช่อง 7 โดยไม่หาใครมาแทน เลยทำเอาแฟน ๆ ชื่นชมสปิริตแต่ก็อดเป็นห่วงสภาพจิตใจหนุ่มซีไม่หาย ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวที่งานแถลงโปรเจคท์ “คนไทยยูไนเต็ด ร่วมชื่นชมคนไทยหัวใจสิงห์” ที่ห้องประชุม สิงห์ คอร์เปอร์เรชั่น สามเสน เลยถามถึงสภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน เจ้าตัวเปิดใจให้ฟังทันทีว่า
“สภาพจิตใจตอนนี้หลังจากที่สูญเสียคุณแม่ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว เราพอที่จะจับต้นชนปลายได้แล้วว่าควรจะทำอะไรก่อน อะไรหลังเพราะว่าก่อนหน้านั้นค่อนข้างไปไม่ถูกเหมือนกัน เราไม่รู้ว่าจะทำยังไง เพราะตอนนั้นผู้ใหญ่ที่ใต้ยังมาไม่ถึงกรุงเทพฯ เราเป็นเด็กก็ยอมรับว่าไปไม่ถูกไม่รู้จะติดต่อยังไง ไหนจะเรื่องเอกสารต่าง ๆ ของทางธนาคารต่าง ๆ มากมาย บางทีเราคิดเองว่ามันจำเป็นต้องตอนนี้เลยหรือ แต่ ณ ตอนนี้เราก็สามารถดึงตัวเองกลับมาได้แล้ว กำลังใจส่วนใหญ่ได้จากคนในครอบครัว แต่ที่สำคัญจริง ๆ ก็คือตัวของเราเองเพราะทุกข์ก็อยู่ที่ใจ สุขก็อยู่ที่ใจ ตอนผมทำพิธีกรรายการ “จันทร์พันดาว” ได้คุยกับคนที่ชีวิตแย่กว่าเรา บางอย่างในชีวิตมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเพราะฉะนั้นความทุกข์มันก็ย่อมสลายไปตามกาลเวลาอยู่แล้ว อย่างน้อยคุณแม่ของผมก็ไปสบายและไม่ต้องนอนเป็นผักเป็นปลาที่ต้องทุกข์ทรมาน หลายคนชื่นชมที่ผมยังไปทำพิธีกรรายการอยู่ ผมไม่ได้มองว่าเป็นหน้าที่แต่มันเป็นบ้านของเรา เพราะฉะนั้นแล้วผมก็คงไม่กล้ารบกวนให้คนอื่นมาทำให้ ต้องขอบคุณบริษัท เจเอสแอลฯ ที่เข้าใจรวมถึงพิธีกรทั้งสามคนทั้ง พี่ฮาย-อาภาพร,พี่ยิ่งยง และพี่เอก-เอกชัย ที่ให้กำลังใจผมตลอด ส่วนคิวละคร “คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ” ก็ต้องรันต่อไปครับเพราะตอนนี้ละครถ่ายไปออกอากาศไป คือช่วงเช้าไปถ่ายละคร พอถึงช่วงพระสวดผมก็ไปวัดฟังพระสวดก่อน ค่อยไปถ่ายละครต่อ นักแสดงทุกคนก็โอเค ทุกคนให้กำลังใจผมให้ก้าวต่อไปให้ได้ครับ”
ขอถามถึงเรื่องที่ตอนนี้มีหลายคนเกิดข้อกังขาถึงการเสียชีวิตของคุณแม่ที่ตอนนี้ รพ.เสียชื่อเสียง มีบางคนอยากให้พิสูจน์? “ถ้าเรื่องการพิสูจน์ผมคงไม่พิสูจน์เพราะมันไม่มีความจำเป็นและผมไม่ได้คิดว่าเป็นความผิดของทาง รพ. การผ่าตัดมันมีความเสี่ยงอยู่แล้วเรื่องลิ่มเลือดอุดตัน ไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าได้ เพราะคุณแม่ของผมก็ ไม่มีประวัติตรงนี้ อย่างที่ผมบอกผมเสียใจแต่ผมไม่คิดโทษใคร เอาเป็นว่าผมอยากจะให้หยุดในการที่จะบอกว่า รพ.มีส่วนผิด จะผิดหรือถูกเป็นเรื่องของทาง รพ.ที่คุณต้องไปถามกันเอาเองไปรับผิดชอบกันเอง ต่อไปนี้ถ้ามีเคสที่ใกล้เคียงแบบนี้ก็ควรจะตรวจตราให้มากกว่าเดิมหรืออย่างไร แม่ผมได้จากโลกนี้ไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปนั่งหาสาเหตุอะไรอีก สาเหตุง่าย ๆ คือแม่ผมเสียไปแล้ว ผมเองไม่ได้ฝันถึงแม่ แต่เมื่อคืนแม่บ้านฝันถึง ตรงนี้แล้วแต่ความเชื่อนะผมไม่ได้บอกให้ใครเชื่อ ผมพยายามบอกทุกวันว่าให้แม่มาบอกหน่อยว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง คุณแม่ก็มาบอกแม่บ้านของผมว่า ฝากดูแลพวกผมและ ในฝันแม่บ้านบอกว่า แม่ผมอยู่ในสภาพธรรมดามาก ๆ เลยไม่ได้ดูเศร้าหมอง มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีที่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่แม่ได้มาบอกกล่าว แต่ผมอยากเจอกับตัวเอง ตอนนี้ห่วงญาติพี่น้องของแม่ทุกคนแต่ได้บอกกับแม่แล้วว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตอนที่คุณแม่ยังอยู่ หม่าม้าผมเหมือนเป็นสื่อกลางในการที่ให้ทุกคนมารวมตัวกันทุกครั้ง ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่มีแล้วแต่เราก็คุยกันแล้วว่าต่อไปนี้เราจะนัดกันเจอกันทุกเดือน และจะดูแลกันให้มากกว่าเดิมครับ”.
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง
