ผู้เขียน หัวข้อ: คนใช้รถซีด ได้เห็น"เบนซิน" ขาย 2 ลิตร100  (อ่าน 1628 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Kimzii

  • บุคคลทั่วไป
คนใช้รถซีด ได้เห็น"เบนซิน" ขาย 2 ลิตร100
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2012, 10:56:07 am »




กองทุนน้ำมันถังแตก ยังติดลบเกือบ 2 หมื่นล้าน เล็งกู้เพิ่มอีก 1 หมื่นล้าน เป็น 2 หมื่นล้าน รักษาสภาพคล่องใช้อุดหนุนแอลพีจีภาคครัวเรือนหลังตลาดโลกพุ่ง 1.1 พันเหรียญต่อตัน เล็งรีดเงินคนใช้รถเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่มอีก คาดเบนซินปีนี้อาจได้เห็น 50 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันตลาดโลกทำสถิติสูงสุด 150 เหรียญต่อบาร์เรล

นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า

สนพ.กำลังพิจารณาขยายเพดานวงเงินกู้ให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท จากเดิมได้รับอนุมัติให้กู้ก้อนแรก 10,000 ล้านบาท
โดยเงินที่จะกู้เพิ่มจะใช้สำรองเพื่อดูแลสภาพคล่องในการดูแลราคาพลังงานโดยเฉพาะภาระชดเชยราคานำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี)
และการอุดหนุนราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนที่ปัจจุบันตรึงไว้ที่ระดับ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ในขณะที่ราคาแอลพีจีตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 1,100 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากปกติประมาณ 700 เหรียญสหรัฐต่อตัน ทำให้ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันฯเข้าไปดูแลมากถึง 4,000 ล้านบาทต่อเดือน

"ฐานะกองทุนน้ำมันฯล่าสุดในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยังติดลบเกือบ 20,000 ล้านบาท ทำให้ต้องดึงเงินกู้ก้อนแรกมาใช้เสริมสภาพคล่องแล้ว 6,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีรายจ่าย 4,000 ล้านบาทต่อเดือน มีรายรับประมาณ 2,100 ล้านบาทจากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯของเบนซิน 2 บาทต่อลิตร และดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร"Ž นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวว่า นอกจากนี้ สนพ.ได้เตรียมจัดทำสถานการณ์จำลองราคาพลังงานในภาวะที่ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
 
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจต่อนโยบายพลังงาน การบริหารกองทุนน้ำมันฯ และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่เหมาะสม รวมถึงใช้พิจารณากรณีที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นมากมีความจำเป็นหรือไม่ที่จะเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯเพิ่ม

นายสุเทพกล่าวว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกปีนี้ มีโอกาสแตะระดับ 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ทำลายสถิติราคาน้ำมันแพงที่สุดที่ระดับราคา 147 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2551 โดยโอกาสที่จะปรับสูงสุดเกิดขึ้นได้แม้จะไม่เกิดสงครามขึ้นในตะวันออกกลาง เพราะมีปัจจัยลบทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น ได้แก่ ความต้องการใช้เชื้อเพลิงอื่นเพื่อทดแทนนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น เช่น น้ำมันเตา ก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น อัตราการว่างงานในสหรัฐอเมริกาลดลงเพราะเศรษฐกิจดีขึ้น ขณะเดียวกันยังเข้าสู่ฤดูร้อนประชาชนจะขับรถไปท่องเที่ยว ทำให้ต้องการใช้น้ำมันเบนซินมากขึ้น ส่วนปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซขณะนี้ได้รับการช่วยเหลือจากสหภาพยุโรปอย่างเต็มที่

" ราคาน้ำมันน่าเป็นห่วง เพราะเดือนมีนาคมนี้ญี่ปุ่นจะลดใช้พลังงานนิวเคลียร์ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม โดยเบนซินมีโอกาสแตะที่ระดับ 50 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลหากไม่ตรึงราคาไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร จากต้นทุนปัจจุบันน่าจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 36 บาทต่อลิตรแล้ว "Ž นายสุเทพกล่าว




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน                               

โดย :KimZii โพสเมื่อ [วันจันทร์ ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 10:56 น.]



 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)