[เอ.อาร์.ไอ.พี,
www.arip.co.th] ช่วงสัปดาห์นี้ต้องยอมรับว่า ประเด็นร้อนถูกจุดขึ้นอีกครั้งหนีไม่พ้นเรื่องของ iPad mini หลังจากที่มีรายงานข่าวจากหลายๆ แหล่งระบุตรงกันว่า Apple อาจจะวางตลาด iPad mini ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2012 เพื่อตอกฝาโลงคู่แข่งในตลาดแท็บเล็ตขนาดเล็ก และสกัดดาวรุ่งอย่าง Kindle Fire ของ Amazon
และเป็นตามธรรมเนียมที่ Apple และซัพพลายเออร์ (ที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาข้อบังคับห้ามเปิดเผยข้อมูลใดๆ เกียวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple) จะปฏิเสธในการที่จะให้คอมเมนต์ใดๆ ต่อข่าวลือเหล่านี้ ซึ่งต้องยอมรับว่า แอปเปิ้ลยังคงเก็บงำความลับได้ดีเยี่ยม ในขณะเดียวกันข่าวลือที่ออกมา ส่วนใหญ่กลายเป็นแค่การคาดเดาตามแนวโน้มที่ควรจะเป็น หรือดูจากประวัติศาสตร์ของ Apple แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะตกม้าตายมากกว่าทายถูกต้อง กลับมาประเด็นข่าวลือเกี่ยวกับ iPad mini หรือไอแพดรุ่นเล็กกว่า ซึ่งประเด็นนี้ คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip น่าจะได้ยินมาตั้งแต่หลังจากที่ iPad รุ่นแรกออกได้ไม่นานนัก อย่างต่ำๆ ก็สองปีแล้ว สำหรับข่าวที่ออกมาล่าสุด สื่อในเกาหลีใต้ จีีน และไต้หวัน ต่างให้ข้อมูลที่ตรงกันว่า แอปเปิ้ลได้สั่งทำจอขนาด 7.86 นิ้ว (ขนาด 2 ใน 3 ของหน้าจอ iPad รุ่นปัจจุบันทีมีขนาด 9.7 นิ้ว) จากซัมซุง
เหตุผลที่ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า แอปเปิ้ลน่าจะทำ iPad mini ก็คือ มันจะทำให้บริษัทกลายเป็นผู้นำตลาด"แท็บเล็ต"ที่สมบูรณ์ยากที่จะหาคู่แข่งหน้าไหนตามได้ทัน เพราะนอกจากจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการแท็บเล็ตจอเล็กแล้ว มันยังมีราคาถูกกว่า ซึ่งประเด็นนี้จะยิ่งทำให้ iPad mini กลายเป็นศัตรูที่หลายคนหวาดกลัว เพราะลำพังการแข่งขันกับ iPad 2 และ new iPad ก็ถูกทิ้งห่างไปหลายขุมแล้ว ในขณะที่สมรภูม"แท็บเล็ต"จอเล็ก ในปีที่ผ่านมา Kindel Fire ของ Amazon ที่ทะลายกฎด้วยการทำให้มันเป็นอุปกรณ์เล่นมีเดียต่างๆ ที่รวมถึงหนังสือ และเกมส์ โดยลดคุณสมบัติ และความสามารถลง ไม่ต้องเป็นแท็บเล็ตเต็มตัว ก่อนที่จะใช้กลยุทธ์ราคาที่ 199 เหรียญฯ (ประมาณ 6,000 บาท) เจาะใจลูกค้าได้สำเร็จ ในขณะที่ iPod Touch ราคาเท่ากัน แต่หน้าจอแค่หนึ่งในสี่ของ Kindle Fire ซึ่งเป็นขนาดของหน้าจอที่ไม่เพียงพอต่อการบริโภคสื่อต่างๆ โดยเฉพาะอีบุ๊ก ภาพยนต์ และเกมส์ โดยหากลูกค้า Apple ต้องการจอใหญ่กว่า ทางเลือกคือ iPad รุ่นแรกที่ราคาเหลือ 399 เหรียญฯ หรือต้องเพิ่มเงินอีก 200 เหรียญฯ ไม่มีตัวเลือกระหว่างนั้น มันจึงกลายเป็นช่องว่างให้กับ Kindle Fire
ทั้งนี้แหล่งข่าวอ้างว่า มีหลักฐานที่แอปเปิ้ลกำลังพยายามทดลองพัฒนาแท็บเล็ตที่มีหน้าจอขนาดเล็กกว่า และใหญ่กว่ามาตั้งแต่ปี 2009 อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักในการขาย iPad mini หน้าจอ 7 นิ้วด้วยราคา 299 เหรียญฯ โดย iSuppli คาดว่า ต้นทุนของ iPad mini จะอยู่ที่ประมาณ 250 เหรียญฯ นี่ขนาดไม่รวมต้นทุนในการออกแบบ พัฒนา ฯลฯ แน่นอนว่า กำไรแค่นี้ Apple คงไม่เอาด้วย ราคาของ iPad mini ที่เหมาะสม iSuppli คาดว่าจะอยู่ที่ 329 หรือ 349 เหรียญฯ เนื่องจากนโยบายของ Apple คือ ไม่ยอมขายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ค่อยได้กำไร นอกเหนือจากปัญหาที่เกิดจากต้นทุนของ iPad mini ที่ส่งผลกระทบต่อราคาขาย และกำไร การออกแบไอแพดรุ่นเล็กกว่ายังส่งผลกระทบต่อนักพัฒนาแอพฯด้วย เนื่องจากต้องออกแบบให้รองรับกับจอหลายขนาด โดยเฉพาะอินเตอร์เฟซ แต่ในทางกลับกัน ใครที่พัฒนาแอพฯ บนแท็บเล็ต 7 นิ้วมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Tab หรือ Kindle Fire งานในส่วนดีไซน์อินเตอร์เฟซต่างๆ ของแอพฯ จะไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้พวกเขาปวดหัว เมื่อต้องทำแอพฯ สำหรับ iPad mini
นักวิเคราะห์ประเมินว่า อย่างไรก็ดี การออก iPad mini น่าจะเป็นคุณกับ Apple มากกว่า โดยเฉพาะส่วนแบ่งตลาดของ iPad ที่จะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก แต่หากมองย้อนกลับไปในช่วงตุลาคม 2010 (ช่วง Samsung Galaxy Tab วางตลาด) สตีฟ จอบส์ ได้ให้เหตุผลที่ทางบริษัทไม่ทำ iPad จอเล็ก 7 นิ้วว่า แท็บเล็ต 7 นิ้วตอบโจทย์ได้ไม่สมกับราคา เป็นได้แค่ Tweener คือ ใหญ่เกินไปที่จะเป็นสมาร์ทโฟน และเล็กเกินไปที่จะสู้กับ iPad นอกจากนี้ จอเล็กจะสร้างความลำบากในการใช้งานให้กับผู้ใช้ การขายแท็บเล็ตจอ 7 นิ้ว อาจจะต้องแถมกระดาษให้ผู้ใช้นำไปตะไบนิ้วให้เล็กลง เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ดังนั้นจอแท็บเล็ตขนาด 10 นิ้ว (หรือ 9.7 นิ้ว) จึงเป็นขนาดที่เล็กทีสุดที่เหมาะกับการใช้งาน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์งงเล็กน้อยตรงที่ ถ้านิ้วปกติของมนุษย์จะสามารถใช้งานบน iPad ได้ด้วยจอเล็กสุด 10 นิ้ว แล้วทำไมจอที่มีขนาดแค่ 1 ใน 4 ของ iPad อย่าง iPhone ถึงเหมาะกับการใช้แอพฯ ของผู้ใช้ทั่วโลก หรือทั้งหมดนี้เป็นแค่วลีตีรวนให้กับผลิตภัณฑ์เกิดใหม่อย่าง Samsung Galaxy Tab สมัยนั้น ซึ่งถ้าเป็นแค่เกมการตลาด ณ.ตอนนี้ ข่าวลือนี้ จึงได้รับการจับตามองมาโดยตลอด
ที่มา : arip
